ดอกกุหลาบตัวแทนความรัก

คำว่า กุหลาบที่ หลายท่านรู้จักนั้น มีที่มาจากคำว่า “คุล” ในภาษาเปอร์เซียแปลว่า “สีแดง ดอกไม้ หรือดอกกุหลาบ” โดยในภาษาฮินดีก็มีคำว่า “คุล” ที่แปลว่า “ดอกไม้” และคำว่า “คุลาพ” ก็หมายถึงกุหลาบอย่างที่คนไทยเราเรียกกัน แต่ออกเสียงเป็น “กุหลาบ” ส่วนคำว่า “Rose” ในภาษาอังกฤษนั้นมาจากคำว่า “Rhodon” ที่แปลว่ากุหลาบในภาษากรีก

ต้นกำเนิด

ดอกกุหลาบเป็นดอกไม้ที่นิยมปลูกมาแต่โบราณ สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นเมื่อ 70 ล้านปีมาแล้ว อีกทั้งเคยมีการค้นพบฟอสซิลของกุหลาบที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยแต่ก่อนกุหลาบนั้นเป็นกุหลาบป่าและมีรูปร่างไม่เหมือนในทุกวันนี้ แต่เนื่องจากมนุษย์ได้นำเอากุหลาบป่ามาปลูกและผสมพันธุ์จนขยายเป็นพันธุ์ต่างๆ มากมายดังที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน

ตามประวัติศาสตร์เล่าว่ากุหลาบป่าถูกนำมาปลูกไว้ในพระราชวังของจักรพรรดิ ในสมัยราชวงศ์ฮั่นราว 5,000 ปีมาแล้ว ขณะที่อียิปต์เองก็ปลูกกุหลาบเพื่อเป็นไม้ดอกส่งไปขายให้แก่ชาวโรมัน เพราะชาวโรมันเป็นชาติที่รักดอกกุหลาบมาก แม้ว่าจะสั่งซื้อจากประเทศอียิปต์ก็ตามแต่ก็ยังสร้างสถานที่ขนาดใหญ่สำหรับปลูกดอกกุหลาบอีกด้วย เพราะสำหรับชาวโรมันแล้วดอกกุหลาบนั้นมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวัน อีกทั้งชาวโรมันถือว่าดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์ของความรัก เป็นได้ทั้งของขวัญ และเป็นดอกไม้สำหรับทำมาลัยต้อนรับแขก รวมถึงเป็นดอกไม้สำหรับงานฉลองต่างๆ แถมยังเป็นส่วนประกอบสำหรับทำขนม ทำไวน์ และยาได้อีกด้วย

แม้จะไม่มีหลักฐานการบันทึกอย่างชัดเจนว่าดอกกุหลาบนั้นเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่เมื่อไร แต่จากบันทึกของ ลา ลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศสในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้บันทึกไว้ว่าเห็นกุหลาบที่กรุงศรีอยุธยา และในกาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศกสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ ก็ได้มีการกล่าวถึงกุหลาบเอาไว้ และยังมีตำนานดอกกุหลาบของไทยที่เป็นบทละครพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 6 เรื่อง มัทนะพาธา ในเรื่องเล่าถึงเทพธิดาองค์หนึ่งชื่อ “มัทนา” ซึ่งได้มีเทพบุตรองค์หนึ่งชื่อ “สุเทษณะ” ซึ่งพระองค์ทรงหลงรักเทพธิดา “มัทนา” มาก แต่นางไม่มีใจรักตอบ จึงถูกสาบให้ไปเกิดเป็นดอกกุหลาบ จึงกลายเป็นตำนานดอกกุหลาบนับแต่นั้นมา

ตำนานที่เกี่ยวกับดอกกุหลาบ

เมื่อกล่าวถึงดอกกุหลาบแล้ว หลายท่านก็จะนึกถึงเรื่องความรัก เพราะกุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความโรแมนติก โดยมีบางตำนานเล่าว่า ดอกกุหลาบเป็นเสมือนเครื่องหมายแทนการกำเนิดของ เทพธิดาวีนัส ซึ่งเป็นเทพแห่งความงามและความรัก วีนัสเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อโฟรไดท์ ในตำนานเทพของกรีกได้กล่าวไว้ว่า น้ำตาของเธอหยดลงปะปนกับเลือดของ อคอนิส คนรักของเธอที่ถูกหมูป่าฆ่า เลือดและน้ำตาหยดลงสู่พื้นแล้วกลายเป็นดอกไม้สีแดงเข้มหรือดอกกุหลาบนั่นเอง แต่บางตำนานก็เล่าว่าดอกกุหลาบเกิดจากเลือดของ อโฟรไดท์ เองที่หยดลงสู่พื้น เมื่อเธอแทงตัวเองด้วยหนามแหลม

ชาวเปอร์เซียมีตำนานเล่าขานถึงการกำเนิดของกุหลาบแดงไว้ว่า มาจากการที่เจ้านกไนติงเกลตัวแรกของโลกมีความปรารถนา ที่จะกล่อมราตรีกาลให้หวานชื่น ด้วยเสียงอันไพเราะของมันแต่ด้วยกลัวว่า จะเผลอหลับ เจ้านกไนติงเกลจึงปักอกของตัวเองลงที่หนามกุหลาบทำให้มันสามารถทำได้ดังที่ตั้งใจไว เลือดของเจ้านกไนติงเกลที่หยาดหยดจึงทำให้ดอกกุหลาบมีสีแดง

ตามความเชื่อของชาวโรมัน ดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์ของความงามและเป็นตัวแทนของเทพีวีนัส (เทพแห่งความงามและความรัก) นอกจากนี้ชาวโรมันยังใช้ดอกกุหลาบเป็นตัวแทนของความตายและการเกิดใหม่ จึงเป็นที่นิยมที่จะปลูกดอกกุหลาบให้เลื้อยคลุมหลุมศพอีกด้วย

ดอกกุหลาบนั้นสามารถสื่อความหมายได้หลายอย่าง อาทิ

สีแดง สื่อความหมายถึง “รักคุณเข้าแล้ว” เปรียบได้กับดอกไม้ของกามเทพ คิวปิด และอีรอส ที่จะนำโชคด้านความรักมาให้แก่หญิงหรือชายที่ได้รับดอกกุหลาบสีแดงนี้

สีชมพู สื่อความหมายถึง “ฉันจะรักและดูแลคุณตลอดไป” ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์

สีขาว สื่อความหมายถึง “ฉันรักคุณด้วยความบริสุทธิ์ใจ” ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ มิตรภาพ และความสงบเงียบ และนำโชคมาให้แก่หญิงหรือชายเช่นเดียวกับกุหลาบแดง ในงานศพของชาวจีนโบราณ หญิงหม้ายที่สามีตาย จะนำดอกไม้สีขาวทัดหูในงานศพของสามีตนเอง

สีเหลือง สื่อความหมายถึง “เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอนะ”

สีส้ม สื่อความหมายถึง “ฉันรักคุณเหมือนเดิมนะ”

สีดำ สื่อความหมายถึง รักนิรันดร์ และยังเป็นเป็นสัญลักษณ์ของความโศกเศร้าและความตาย

จากตำนานทั้งหมดบอกได้ว่า ดอกกุหลาบเป็นดั่งตัวแทนความรักไม่ว่าจะในรูปแบบของความรักของหนุ่มสาว หากนำมาประดับในงานศพก็เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนคำบอกเล่าแทนความรู้สึก ทุกความรักอันงดงาม ที่มอบให้กันหรือสื่อถึงความอาลัยรักแก่ผู้ที่จากไปแล้ว