พิธีศพเป็นพิธีกรรมหลังความตายที่บุคคลในครอบครัวและญาติสนิทมิตรสหายพึงกระทำให้แก่ผู้วายชนม์เป็นครั้งสุดท้าย โดยในประเทศไทยนั้นมีความเชื่อและขั้นตอนการปฏิบัติที่แตกต่างกันไปในแต่ละศาสนา ดังนี้
พิธีศพแบบชาวพุทธ
ชาวพุทธเชื่อว่าความตายเป็นการดับของขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ดังนั้นจึงมีความเชื่อเกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิด ชาวพุทธจึงเน้นไปที่การประกอบพิธีกรรมเพื่อส่งดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับไปสู่สุคติภูมิ ขั้นตอนของพิธีศพแบบชาวพุทธมีดังนี้
- อาบน้ำศพ เพื่อชำระล้างร่างกายให้สะอาด
- บำเพ็ญกุศลและการสวดอภิธรรมศพ เพื่อแสดงความกตัญญูและอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับ
- ฌาปนกิจ เพื่อเผาร่างผู้ล่วงลับ
- เก็บอัฐิ เพื่อนำไปบรรจุไว้ในที่ที่เหมาะสม
พิธีศพแบบคริสต์ศาสนา
คริสต์ศาสนิกชนเชื่อว่าความตายเป็นการกลับคืนสู่พระเจ้า ดังนั้นจึงมีความเชื่อเรื่องการพิพากษาหลังความตาย ชาวคริสต์จึงเน้นไปที่การประกาศข่าวประเสริฐและการให้กำลังใจแก่ญาติของผู้ล่วงลับ ขั้นตอนของพิธีศพแบบคริสต์ศาสนามีดังนี้
- พิธีรับศพ เพื่อต้อนรับผู้ล่วงลับสู่ศาสนจักร
- พิธีสวดศพ เพื่อประกาศข่าวประเสริฐและอธิษฐานอวยพรผู้ล่วงลับ
- พิธีฝังศพหรือเผาศพ เพื่อส่งผู้ล่วงลับไปยังสรวงสวรรค์
พิธีศพของศาสนาอิสลาม
มุสลิมเชื่อว่าความตายเป็นการสิ้นสุดชีวิตในโลกนี้และเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในโลกหน้า ดังนั้นจึงมีความเชื่อเรื่องการพิพากษาหลังความตาย ชาวมุสลิมจึงเน้นไปที่การปฏิบัติตามหลักศาสนา ขั้นตอนของพิธีศพของศาสนาอิสลามมีดังนี้
- การประกาศการเสียชีวิต เพื่อแจ้งให้ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงทราบ
- การอาบน้ำศพ เพื่อชำระล้างร่างกายให้สะอาด
- การห่อศพด้วยผ้าขาว
- การละหมาดศพ เพื่อขอพรจากพระเจ้าให้แก่ผู้ล่วงลับ
- การฝังศพภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อให้ผู้ล่วงลับไปสู่สรวงสวรรค์
พิธีศพเป็นพิธีกรรมที่มีความสำคัญต่อจิตใจของเราทุกคน เพราะเป็นช่วงเวลาแห่งการไว้อาลัยและรำลึกถึงบุคคลอันเป็นที่รักที่จากไป ถึงแม้ความเชื่อและขั้นตอนพิธีศพของทั้งสามศาสนาจะแตกต่างกันไป แต่ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือให้เกียรติและรำลึกถึงคุณงามความดีของผู้ล่วงลับเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่