พิธีสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาด้วยการ “นอนโลงศพ” ตามความเชื่อคนไทย

เมื่อชีวิตเกิดเคราะห์หนัก หรือผิดปกติ หลายคนมักจะหันมาใช้วิธีการสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา เพื่อหวังว่าจะสามารถช่วยแก้เคล็ดและขจัดสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ให้หมดไป แต่อยู่ดี ๆ ก็มีคำถามที่ติดค้างอยู่ในใจว่า “เคราะห์ คือ อะไร?”, “จะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังมีเคราะห์?”, “การสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาคืออะไร?” และ “จะทำพิธีบังสุกุลเป็น บังสุกุลตายอย่างไร?” เรามาหาคำตอบกันเลย!

“เคราะห์” คืออะไร ?

ในทางพระพุทธศาสนา คำว่า “เคราะห์” หมายถึง ผลแห่งกรรมดีและไม่ดีที่เราได้กระทำมาตั้งแต่ชาติก่อน จนถึงปัจจุบัน เคราะห์จึงเป็นเสมือนสัญญาณเตือนให้เราตระหนักว่า มีอะไรบกพร่องในชีวิตที่ต้องรีบปรับปรุงแก้ไข หากไม่ทำการแก้ไข เคราะห์กรรมก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนอาจนำมาซึ่งความเสียหายสูงสุดได้

“กำลังมีเคราะห์” เราจะรู้ได้อย่างไร ?

ผู้ที่กำลังมีเคราะห์มักจะแสดงอาการหรือความผิดปกติบางอย่างออกมา เช่น หน้าตาหมองคล้ำ ปลายจมูกคล้ำ ตาขาวไม่สดใส ทำอะไรก็มักเจอปัญหาอุปสรรค ไร้สติ เหม่อลอย ไม่มีสมาธิ ใจคอไม่ค่อยดี หรือมีสัญญาณเตือนต่าง ๆ เช่น จิ้งจกร้องทัก นกอุจาระรดศรีษะ ตาเขม่น ตากระตุก เป็นต้น หากอาการเหล่านี้หนักขึ้น คนรอบข้างก็จะสังเกตเห็นความผิดแปลกไปจากปกติ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าอาจกำลังเผชิญกับเคราะห์หนักเอาเรื่อง

การสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา

“สะเดาะเคราะห์” หมายถึง วิธีการหนึ่งที่ช่วยบรรเทาสิ่งเลวร้ายให้ทุเลาเบาบางลง และช่วยให้หลุดพ้นจากสิ่งไม่ดีต่าง ๆ ส่วน “ต่อชะตา” หรือ “สืบชะตา” เป็นพิธีโบราณในการต่ออายุให้ยืดยาวต่อไป เชื่อว่าจะทำให้มีชีวิตสุขสบายปราศจากโรคภัยภยันตรายทั้งหลาย ดังนั้น การสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา จึงเป็นพิธีกรรมเพื่อช่วยแก้เคล็ดและขจัดเคราะห์ร้ายให้หมดไป

การบังสุกุลเป็น บังสุกุลตาย ทำอย่างไร?

“นอนโลงศพ” หรือ การสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาด้วยการบังสุกุลเป็น บังสุกุลตาย เป็นพิธีที่มักทำในช่วงที่กำลังมีเคราะห์หนัก โดยให้ผู้สะเดาะเคราะห์จะต้องนอนในโลงศพ พร้อมพนมมือ และหันศีรษะไปทางตะวันตก ห่มด้วยผ้าขาวเหมือนศพ จากนั้นพระสงฆ์ 4 รูป จะสวดบทบังสุกุลตาย และบังสุกุลเป็น เพื่อเป็นการล้างสิ่งชั่วร้ายและเปลี่ยนจากร้ายให้กลายเป็นดี ก่อนจะให้ศีล ให้พร และประพรมน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล

การสะเดาะเคราะห์ด้วยวิธีอื่น ๆ 

นอกจากการบังสุกุลเป็น บังสุกุลตาย ยังมีวิธีการสะเดาะเคราะห์แก้เคล็ดอื่น ๆ อีกหลายวิธี เช่น การถวายเครื่องสังฆทาน ไถ่ชีวิตสัตว์ ถือศีลกินเจ การบวชเป็นพระ การสวดภาณยักษ์ และการอาบน้ำมนต์ 9 วัด เป็นต้น โดยวิธีการเหล่านี้ล้วนเชื่อว่าจะช่วยขจัดความไม่ดี และนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ชีวิต

ไม่ว่าจะเลือกใช้วิธีการสะเดาะเคราะห์แบบใด สิ่งสำคัญคือ การเตรียมความพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน โดยการซื้อประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ หรือประกันสุขภาพ เพื่อช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาลง และสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างราบรื่น แม้จะเกิดเคราะห์ร้ายขึ้นก็ตาม